วันที่สำเร็จการศึกษา

:

๑๕ มีนาคม ๒๕๕๕

บทคัดย่อ

                                   การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ (๑) เพื่อศึกษาระดับความคิดเห็นของครูผู้สอนต่อการบริหารสถานศึกษาตามหลักธรรมาภิบาลในโรงเรียนมัธยมศึกษา ในเขตอำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี  (๒) เพื่อเปรียบเทียบระดับความคิดเห็นของครูที่มีต่อการบริหารสถานศึกษาตามหลัก   ธรรมาภิบาลในโรงเรียนมัธยมศึกษา จำแนกตาม เพศ อายุ การศึกษา และประสบการณ์ในการทำงาน (๓) เพื่อศึกษาปัญหาอุปสรรคและข้อเสนอแนะแนวทางการบริหารสถานศึกษาตามหลัก ธรรมาภิบาลในโรงเรียนมัธยมศึกษากลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย  คือ ครูผู้สอนระดับมัธยมศึกษาของโรงเรียนมัธยมศึกษา ในเขตอำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรีจำนวน ๒๑๐ คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นแบบสอบถาม สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) ค่าที (t-test) และทดสอบค่าเอฟ (F-test) โดยวิธีการวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว (One-Way ANOVA)

                       ผลการวิจัยพบว่า  การบริหารโรงเรียนตามหลักธรรมาภิบาลในภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่า การบริหารโรงเรียนตามหลักธรรมาภิบาล ทุกด้านอยู่ในระดับมาก เมื่อเปรียบเทียบตามเพศ อายุ การศึกษาและประสบการณ์ทำงานพบว่าครูมีความคิดเห็นไม่แตกต่างกันและปัญหาอุปสรรคต่อการบริหารตามหลักธรรมาภิบาลโดยภาพรวม พอสรุปได้ คือ เรื่อง ขาดการปลูกฝังให้เด็กรักและหวงแหนสมบัติของโรงเรียน การแบ่งงานซ้ำซ้อนไม่ชัดเจน ขาดการประชาสัมพันธ์กิจกรรมของโรงเรียน ขาดการตรวจสอบงบประมาณ ขาดความโปร่งใสเรื่องงบประมาณ ขาดการนำทฤษฎีเรื่องคุณธรรมมาปฏิบัติให้เป็นรูปธรรม และเรื่องกฎ ระเบียบ ข้อบังคับของโรงเรียนไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันและขาดการบังคับใช้อย่างจริงจัง บุคลากรไม่เห็นความสำคัญของกฎ ระเบียบเท่าที่ควร ข้อเสนอแนะแนวทางการบริหารพบว่า ควรเปิดโอกาสให้ทำประชาพิจารณ์ ควรมอบหมายงานให้เหมาะสมกับบุคลากรที่ปฏิบัติงาน ควรตรวจสอบและรายงานผลการปฏิบัติงานอย่างสม่ำเสมอ ประชาสัมพันธ์ให้มากขึ้นเกี่ยวกับกิจกรรมของโรงเรียน

 
ดาวน์โหลด